ตั้งแต่ <จูราสสิค ปาร์ค> จนถึง <จูราสสิค เวิลด์> ซีรีส์ ‘จูราสสิค’ ที่ทำให้ผู้คนทั่วโลกตื่นเต้นจะกลับมาในฤดูร้อนปี 2025 ด้วยรูปลักษณ์ใหม่ โดยเปิดตัวด้วย <จูราสสิค เวิลด์: การเริ่มต้นใหม่> ซึ่งจะเข้าฉายในวันพรุ่งนี้ โดยนักแสดงนำ สการ์เลตต์ โจแฮนสัน, โจนาธาน เบลลี่, รูเพิร์ต ฟรีนด์ และผู้กำกับ แกเร็ธ เอ็ดเวิร์ดส ได้เดินทางมาที่เกาหลี ในงานแถลงข่าวที่จัดขึ้นที่โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ โซล เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พวกเขาได้แบ่งปันเรื่องราวเกี่ยวกับผลงานนี้อย่างเต็มที่
"กินกิมจิ 7 อย่างในมื้อเช้า"
ก่อนอื่น นักแสดงนำของ <การเริ่มต้นใหม่> ได้แบ่งปันความรู้สึกเมื่อได้มาเยือนเกาหลีอีกครั้ง สการ์เลตต์ โจแฮนสัน ที่กลับมาเกาหลีหลังจาก 8 ปี กล่าวว่า “ฉันรู้สึกตื่นเต้นและดีใจที่ได้กลับมาเกาหลีอีกครั้ง ฉันไปที่เมียงดงในตอนเช้า ซื้อผลิตภัณฑ์ดูแลผิว และกินกิมจิ 7 อย่างในมื้อเช้า วันนี้ในตอนกลางคืนฉันจะได้พบกับแฟนๆ ชาวเกาหลี ซึ่งแฟนๆ ชาวเกาหลีแสดงความรักและการต้อนรับมากมาย ฉันจึงตั้งตารอ” ต่อมา โจนาธาน เบลลี่ ที่มาเกาหลีเป็นครั้งแรกกล่าวว่า “ฉันได้ยินมาว่าแฟนๆ ชาวเกาหลีเป็นแฟนที่ดีที่สุดในโลก” ทำให้บรรยากาศในงานแถลงข่าวสดใสขึ้น นอกจากนี้ นักแสดงยังได้แสดงความรักที่มีต่อซีรีส์ ‘จูราสสิค’ สการ์เลตต์ โจแฮนสัน กล่าวเสริมว่า “ฉันรู้สึกโชคดีมากที่ได้เข้ามาในโลกของ ‘จูราสสิค’ ฉันยังจำได้ดีเมื่อ 10 ขวบที่ได้ดู <จูราสสิค ปาร์ค> (1993) กับครอบครัว (งานนี้) เป็นความฝันในวัยเด็กที่กลายเป็นจริงในทุกมิติ ฉันดีใจที่ได้มีส่วนร่วมในผลงานที่ฉันรัก”
"การเป็นหนึ่งเดียวกันในฐานะนักแสดงเป็นสิ่งสำคัญ"
นักแสดงได้เปิดเผยถึงสิ่งที่พวกเขาคิดว่าสำคัญในขณะที่แสดงบทบาทของแต่ละตัวละคร สการ์เลตต์ โจแฮนสัน กล่าวว่า “ตัวละครจอร่ามีประวัติการทำงานเป็นทหารรับจ้างมายาวนาน แต่ตอนนี้เธออยู่ในจุดเปลี่ยนของชีวิตและรู้สึกหมดไฟ ฉันสามารถเข้าใจความรู้สึกสูญเสียที่จอร่าประสบและสถานการณ์ที่เธออยู่ได้จากบท และพยายามที่จะถ่ายทอดสิ่งนั้น” รูเพิร์ต ฟรีนด์ ผู้รับบทมาร์ติน ซึ่งเป็นผู้บริหารของบริษัทเภสัชกรรมระดับโลกและเริ่มโครงการเก็บ DNA ของไดโนเสาร์ กล่าวว่า “ตัวละครในเรื่องมีความแตกต่างกัน และแรงจูงใจในการเข้าร่วมโครงการก็แตกต่างกัน แต่เรารู้สึกถึงความเป็นพี่น้องกันในขณะที่เราสร้างภาพยนตร์และเรื่องราวนี้ การเป็นหนึ่งเดียวกันในฐานะนักแสดงจึงเป็นสิ่งสำคัญ” โจนาธาน เบลลี่ ผู้รับบทเป็นนักบรรพชีวิน กล่าวว่า “เมื่อฉันรู้ว่าฉันจะได้เล่นบทนักบรรพชีวิน ฉันก็รู้ด้วยว่าฮันรีเป็นตัวละครที่มีความหลงใหล ฉันต้องถ่ายทอดความรู้สึกอัศจรรย์ที่เขามีต่อไดโนเสาร์และธรรมชาติให้ดี ฉันคิดว่าคนที่เรียกตัวเองว่า ‘เนิร์ด’ นั้นเจ๋งมาก เพราะพวกเขาใช้ชีวิตในการศึกษาอะไรบางอย่าง ฮันรีก็เช่นกัน เขาได้พบกับไดโนเสาร์ และสถานการณ์ที่ฉันได้มีส่วนร่วมในผลงานนี้ในฐานะแฟนของซีรีส์ ‘จูราสสิค’ ก็เหมือนกับสถานการณ์ของฮันรี”
ต่อมา สการ์เลตต์ โจแฮนสัน ได้พูดถึงความยากลำบากในระหว่างการถ่ายทำ เขากล่าวว่า “ส่วนที่ยากที่สุดคือการไม่สามารถเห็นไดโนเสาร์จริงๆ และต้องแสดงกับลูกเทนนิสที่ติดอยู่กับไม้ ฉันต้องรักษาความตึงเครียดไว้ตลอดเวลา นอกจากนี้ยังมีฉากแอ็คชั่นที่ตึงเครียดมาก เมื่อสัญญาณแอ็คชั่นดังขึ้น ฉันต้องแสดงสีหน้าที่มุ่งมั่น และถ้ามีปัญหากับกล้องต้องรอ ฉันต้องผ่อนคลายแล้วกลับมาตึงเครียดอีกครั้ง มันยากมากที่จะปรับระดับความตึงเครียดขึ้นลงในฉากที่ต้องแสดงความอัศจรรย์และความประหลาดใจ แต่เราก็สามารถถ่ายทำได้สำเร็จเพราะนักแสดงช่วยกันรักษาความมุ่งมั่น”
‘จูราสสิค เวิลด์’ ใหม่ที่มีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม
<การเริ่มต้นใหม่> นำเสนอทิวทัศน์ธรรมชาติที่น่าทึ่ง เช่น ทะเลกว้างใหญ่ของมหาสมุทรแอตแลนติก, ป่ามังกรอฟ และป่าฝน รวมถึงหน้าผาที่สูงชัน ผู้กำกับได้ถ่ายทำทั้งในสตูดิโอและสถานที่จริงเพื่อให้ได้ความสดใสของทิวทัศน์ธรรมชาติ สถานที่หลักที่ใช้เป็นฉากในภาพยนตร์คือ ‘เกาะเซนต์อูแบร์’ ซึ่งถ่ายทำที่ประเทศไทย ผู้กำกับได้เปิดเผยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในระหว่างการถ่ายทำในงานแถลงข่าวครั้งนี้ว่า “ตอนนี้ถ่ายทำเสร็จแล้ว ฉันสามารถพูดได้แล้ว ในขณะที่สการ์เลตต์และนักแสดงคนอื่นๆ กำลังถ่ายทำฉากที่เดินผ่านบึงในป่า มีคนตะโกนขึ้นมาอย่างกะทันหัน เมื่อหันไปดูพบว่าทีมงานท้องถิ่นกำลังดึงงูพิษออกจากน้ำ ตอนนั้นฉันคิดว่านักแสดงอาจไม่อยากถ่ายทำเรื่องนี้จึงเก็บเป็นความลับ แต่ตอนนี้นักแสดงก็ได้รู้แล้ว” สการ์เลตต์ โจแฮนสัน และนักแสดงอีกสองคนที่ได้ยินเบื้องหลังในโซลไม่สามารถซ่อนความตกใจได้
ในขณะเดียวกัน <การเริ่มต้นใหม่> กลับสู่แก่นของซีรีส์และสืบทอดแนวคิดของสตีเวน สปีลเบิร์ก จาก <จูราสสิค ปาร์ค> (1993) แนวคิดเกี่ยวกับความไม่สามารถควบคุมธรรมชาติของมนุษย์และอันตรายจากเทคโนโลยีทางวิทยาศาสตร์ยังคงอยู่ใน <การเริ่มต้นใหม่> สตีเวน สปีลเบิร์ก ได้มีส่วนร่วมในการผลิตผลงานนี้และมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้กำกับอย่างกระตือรือร้น แกเร็ธ เอ็ดเวิร์ดส กล่าวถึงกระบวนการทำงานร่วมกับสตีเวน สปีลเบิร์ก ว่า “สตีเวน สปีลเบิร์ก คือฮีโร่ของฉัน เขาเหมือนซานตาคลอส ฉันรู้สึกประหลาดใจมากเมื่อได้ประชุมร่วมกัน ในขณะที่เราวิดีโอคอลกัน เราได้พูดคุยเกี่ยวกับธีมของภาพยนตร์นี้ และได้พูดถึงเรื่องที่ว่าสิ่งมีชีวิต 99.99…% บนโลกได้สูญพันธุ์ไปแล้ว ฉันต้องการให้ภาพยนตร์ของเราเป็นภาพยนตร์บันเทิง แต่ก็ต้องการซ่อนข้อความสำคัญไว้ด้วย ฉันต้องการพูดคุยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์และธรรมชาติว่ามนุษย์ควรให้ความสนใจในเรื่องใด” ตามที่ผู้กำกับกล่าว ภาพยนตร์นี้มีมุมมองเชิงนิเวศน์ เขาได้ผสมผสานความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมในซีรีส์ ‘จูราสสิค เวิลด์’ และนำไปสู่ทิศทางใหม่ <การเริ่มต้นใหม่> สำรวจวิธีการที่ไดโนเสาร์และมนุษย์สามารถอยู่ร่วมกันได้ใน ‘ยุคจูราสสิคใหม่’ ที่ไดโนเสาร์กำลังจะสูญพันธุ์จากวิกฤตสภาพภูมิอากาศและโรคภัย นอกจากนี้ยังแสดงให้เห็นถึงมุมมองของมนุษย์ต่อธรรมชาติทั้งความกลัวและความอัศจรรย์อย่างสมดุล
